หน้าแรก
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
คระครุศาสตร์
ติดต่อเรา
วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557
เพลงฉ่อย กับข้าวเพชฌฆาต
นี่แหละวัฒนธรรมไทย ไม่ว่าจะเป็นเพลงลำตัดหรือเพลงฉ่อย ก็น่าฟังทั้งนั้น มีทั้งความสนุก ตลกขบขันอยู่ในตัวของมันเอง เป็นความบันเทิงเริงใจที่มีมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน จึงควรอนุรักษ์ไว้ให้ยืนนานสืบไป...
(ขอขอบคุณคลิปจากภาพยนตร์เหลือแหล่)
หิ่งห้อย
๑.
ดับดวงดาวดวงสุดท้ายที่ปลายฟ้า
แสวงหาความหยิ่งแสงหิ่งห้อย
จากดินดูสู้ฟ้า-ดาวพร่าพร้อย
กับสัวต์น้อยด้อยแรง...แสงพอทาน
๒.
แล้วฉันเลือกเป็นหิ่งห้อย
แทนดาวลอยสูงศักดิ์อัครฐาน
จึงมีปีก มีความหวัง อหังการ
มีสิทธิผ่านมุมอับอันลับดาว
เบาปีกบาง บินไป บินไป
เผาไหม้ใจช่วงในห้วงหาว
เผชิญพายุบ้างบางคราว
ร้อนหนาว เข้าถึงโลกแท้จริง
๓.
ไม่มีดาวดวงสุดท้ายที่ปลายฟ้า
บางครั้งฉันอ่อนล้า เหนื่อยนิ่ง
ในมุมมืดหม่นมวดถูกทอดทิ้ง
ฉันอยากมีค่ายิ่ง ณ ที่นั้น
(ผู้ประพันธ์ ตะวันใหม่ - ๒๕๒๔)
การจำแนกกลอน
๑.กลอนจำแนกตามฉันทลักษณ์
ฉันทลักษณ์ของกลอนในวรรณกรรมจำแนกได้ ๕ ประเภทคือ จำแนกตามจำนวนคำ จำแนกตามคำขึ้นต้น จำแนกตามคณะ จำแนกตามบทขึ้นต้น และจำแนกตามการส่งสัมผัส
๒.กลอนจำแนกตามวัตถุประสงค์การนำไปใช้
แบ่งได้เป็น ๒ ประเภทคือ กลอนอ่าน และกลอนร้อง
โลก
โลกนี้มิอยู่ด้วย มณี เดียวนา
ทรายและสิ่งอื่นมี ส่วนสร้าง
ปวงธาตุต่ำกลางดี ดุลยภาพ
ภาคจักรพาลมิร้าง เพราะน้ำแรงไหน ฯ
ภพนี้มิใช่หล้า หงส์ทอง เดียวเลย
กาก็เจ้าของครอง ชีพด้วย
เมาสมมุติจองหอง หินชาติ
น้ำมิตรแล้งโลกม้วย หมดสิ้นสุขศานต์ ฯ
(กวีนิพนธ์ของ อังคาร กัลยาณพงศ์)
บทความที่ใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)